บทวิเคราะห์การแข่งขันฟุตบอล: เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด vs บริสตอล ซิตี้
การแข่งขันรอบเพลย์ออฟแชมเปียนชิพระหว่างเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และบริสตอล ซิตี้ กำลังจะเป็นเกมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทั้งสองทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดสามารถเก็บชัยชนะไปได้ถึง 3-0 ในเกมเลกแรกที่สนามของบริสตอล ซิตี้ ซึ่งถือเป็นผลการแข่งขันที่สร้างความได้เปรียบอย่างมากสำหรับพวกเขาในเกมเลกที่สองที่จะลงสนามกันที่สนามแบรมมอลล์ เลนในวันที่ 12 พฤษภาคม 2025 เกมนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะตัดสินว่าใครจะได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเพลย์ออฟที่สนามเวมบลีย์ ซึ่งเป็นการชิงตั๋วเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกที่มีมูลค่าทางการเงินและชื่อเสียงอย่างมหาศาลสำหรับทั้งสองสโมสร
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสม่ำเสมอในการแข่งขัน โดยสามารถจบฤดูกาลในอันดับที่ 3 ของตารางแชมเปียนชิพด้วยคะแนนรวมถึง 90 คะแนน ซึ่งถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมและแสดงถึงความมั่นคงของทีมตลอดทั้งฤดูกาล นอกจากนี้พวกเขายังมีสถิติการชนะนอกบ้านที่โดดเด่น โดยสามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 13 เกมในสนามของคู่แข่ง ซึ่งเป็นอันดับสองรองจากทีมเบิร์นลีย์ที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นไปแล้ว การแสดงออกถึงความแข็งแกร่งนี้ทำให้เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดกลายเป็นหนึ่งในทีมเต็งที่น่าจับตามองสำหรับการเลื่อนชั้นผ่านรอบเพลย์ออฟในฤดูกาลนี้
ในฝั่งของบริสตอล ซิตี้ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากหลังแพ้ในเกมแรก แต่พวกเขาก็สามารถสร้างผลงานที่น่าประทับใจในฤดูกาลนี้ด้วยการจบอันดับที่ 6 ของตาราง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีที่พวกเขาสามารถผ่านเข้าสู่รอบเพลย์ออฟได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลที่มีการพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยการชนะถึง 11 จาก 24 เกมหลังสุด ทำให้พวกเขามีความหวังที่จะพลิกสถานการณ์ในเกมเลกสอง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายที่หนักหน่วงก็ตาม

บทนำ
การแข่งขันในรอบเพลย์ออฟแชมเปียนชิพระหว่างเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดและบริสตอล ซิตี้ในเกมเลกสองที่จะจัดขึ้นที่สนามแบรมมอลล์ เลนในวันที่ 12 พฤษภาคม 2025 ถือเป็นเกมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทั้งสองทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดสามารถเก็บชัยชนะไปได้ 3-0 ในเกมเลกแรกที่สนามแอชตัน เกทของบริสตอล ซิตี้ ซึ่งสถานการณ์นี้ทำให้บริสตอล ซิตี้ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักในการพลิกผลการแข่งขันเพื่อผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2025 ความสำคัญของเกมนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการตัดสินใจว่าใครจะได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อสู้เพื่อโอกาสในการเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกลีกสูงสุดของอังกฤษ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่มีมูลค่าทางการเงินและชื่อเสียงอย่างมหาศาลสำหรับทั้งสองสโมสร
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดภายใต้การคุมทีมของคริส ไวล์เดอร์ สามารถรักษาความสม่ำเสมอและความแข็งแกร่งของทีมได้ตลอดฤดูกาล โดยจบในอันดับ 3 ของตารางแชมเปียนชิพด้วยคะแนนรวม 90 คะแนน ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานหนักและความสามารถในการแข่งขันกับทีมชั้นนำอื่น ๆ ในลีก นอกจากนี้ทีมยังมีสถิติการชนะนอกบ้านที่โดดเด่นด้วยการเก็บชัยชนะถึง 13 เกม ซึ่งเป็นอันดับสองรองจากทีมเบิร์นลีย์ที่ได้เลื่อนชั้นไปแล้ว ทำให้เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดกลายเป็นทีมที่มีความมั่นใจสูงในการแข่งขันรอบเพลย์ออฟนี้
ในขณะที่บริสตอล ซิตี้ภายใต้การนำของเลียม แมนนิ่ง สามารถสร้างผลงานที่น่าประทับใจด้วยการจบอันดับที่ 6 ของตาราง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีที่พวกเขาสามารถผ่านเข้าสู่รอบเพลย์ออฟได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลที่มีการพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยการชนะถึง 11 จาก 24 เกมหลังสุด ทำให้พวกเขามีความหวังที่จะพลิกสถานการณ์ในเกมเลกสอง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายที่หนักหน่วงก็ตาม
การวิเคราะห์ผู้เล่นคนสำคัญ
ผู้เล่นคนสำคัญของเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
ไทรีส แคมป์เบลล์ (Tyrese Campbell) ถือเป็นดาวซัลโวของทีมด้วยผลงานการทำประตูที่ยอดเยี่ยมถึง 10 ประตูจากการลงสนาม 34 นัด กองหน้ารายนี้มีจุดเด่นในเรื่องของความเร็วและจังหวะการวิ่งเข้าหาพื้นที่อันตรายที่ยอดเยี่ยม ทำให้เขากลายเป็นภัยคุกคามที่ต่อเนื่องสำหรับแนวรับของฝ่ายตรงข้าม ความสามารถในการจบสกอร์ของเขานั้นถือว่ายอดเยี่ยมและมีความแม่นยำสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่แนวรับของบริสตอล ซิตี้ต้องระวังอย่างใกล้ชิดในเกมนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่พวกเขาอาจต้องเปิดเกมรุกมากขึ้นเพื่อพยายามพลิกสถานการณ์
กุสตาโว ฮาเมอร์ (Gustavo Hamer) เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่โดดเด่นที่สุดของทีมเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ด้วยผลงานการทำประตู 9 ประตูและแอสซิสต์อีก 7 ครั้งจากการลงสนาม 42 เกม ทำให้เขากลายเป็นทั้งผู้ทำประตูและผู้สร้างโอกาสให้กับทีมอย่างมีประสิทธิภาพ ฮาเมอร์มีความสามารถในการควบคุมจังหวะเกมในแดนกลางได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงความสามารถในการยิงไกลและการจ่ายบอลที่แม่นยำ ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่บริสตอล ซิตี้ต้องจับตามองเป็นพิเศษในเกมนี้ เพราะเขาสามารถเปลี่ยนเกมได้ในทุกจังหวะ
คอลลัม โอแฮร์ (Callum O’Hare) เป็นมิดฟิลด์ตัวรุกที่มีบทบาทสำคัญในทีมเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด โดยลงเล่นมากถึง 45 นัดในฤดูกาลนี้ ทำไป 3 ประตูและ 6 แอสซิสต์ ความขยันและความสามารถในการวิ่งเข้าสู่พื้นที่อันตรายทำให้เขากลายเป็นตัวเชื่อมระหว่างแดนกลางและแดนหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้เขายังมีทักษะการเลี้ยงบอลที่ดีและความสามารถในการสร้างโอกาสจากพื้นที่แคบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ทีมสามารถเจาะแนวรับของคู่แข่งได้อย่างต่อเนื่อง
แฮร์ริสัน เบอร์โรวส์ (Harrison Burrows) เป็นแบ็คซ้ายที่มีบทบาทสำคัญในเกมรุกของทีมเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ลงเล่น 44 นัดในฤดูกาลนี้ ทำไป 6 ประตูและ 4 แอสซิสต์ การวิ่งขึ้นเกมรุกของเขาช่วยสร้างความกว้างให้กับทีมและสามารถเปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษได้อย่างแม่นยำ ความสามารถในการทำประตูของเขายังเป็นอาวุธเพิ่มเติมที่ทำให้เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดมีความหลากหลายในเกมรุกและสร้างความกดดันให้กับแนวรับของบริสตอล ซิตี้ได้อย่างต่อเนื่อง
ผู้เล่นคนสำคัญของบริสตอล ซิตี้
อานิส เมห์เมติ (Anis Mehmeti) เป็นดาวซัลโวของทีมบริสตอล ซิตี้ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมในการทำไป 12 ประตูจาก 43 เกม เขาเป็นกองหน้าที่มีทักษะการเลี้ยงบอลที่ดีและมีความแม่นยำในการยิงประตู ความสามารถในการสร้างโอกาสจากสถานการณ์ที่ยากลำบากทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อันตรายที่สุดของบริสตอล ซิตี้ในเกมที่พวกเขาต้องพลิกสถานการณ์เช่นนี้ ฟอร์มของเมห์เมติจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ทีมมีโอกาสทำประตูและสร้างความหวังในการพลิกสถานการณ์
นาคิ เวลส์ (Nahki Wells) เป็นกองหน้าที่ทำไป 10 ประตูและ 4 แอสซิสต์จากการลงสนาม 40 เกม ประสบการณ์และความเฉียบคมในเขตโทษของเขาจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริสตอล ซิตี้ในการพยายามพลิกสถานการณ์ เวลส์มีความสามารถในการจบสกอร์ที่ดีและสามารถสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ด้วย ทำให้เขากลายเป็นตัวเลือกหลักในการทำประตูของทีมในเกมที่ต้องเร่งทำคะแนน
แมกซ์ เบิร์ด (Max Bird) เป็นมิดฟิลด์ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างเกมรุกของบริสตอล ซิตี้ ด้วยผลงาน 8 แอสซิสต์จาก 47 เกม ทำให้เขากลายเป็นผู้สร้างโอกาสอันดับหนึ่งของทีม ความสามารถในการจ่ายบอลที่แม่นยำและการมองเกมที่ดีทำให้เขาเป็นมิดฟิลด์ที่มีคุณค่าต่อทีมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเกมที่ต้องการการสร้างสรรค์โอกาสเพื่อทำประตูให้ได้มากที่สุด
เจสัน ไนท์ (Jason Knight) เป็นกัปตันทีมที่ลงเล่นครบทุก 47 เกมในฤดูกาลนี้ ทำไป 3 ประตูและ 6 แอสซิสต์ ความเป็นผู้นำและความขยันของเขาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทีม โดยเฉพาะในเกมที่ต้องเผชิญกับความกดดันสูงเช่นนี้ ความสามารถในการทำงานหนักตลอด 90 นาทีและการกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมจะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับบริสตอล ซิตี้ในการพยายามสร้างปาฏิหาริย์และพลิกสถานการณ์ในเกมนี้
ภาพรวมด้านแทคติก
แทคติกของเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของคริส ไวล์เดอร์ ใช้ระบบ 3-5-2 ที่เป็นเอกลักษณ์และมีความสมดุลระหว่างเกมรุกและเกมรับ จุดเด่นของทีมอยู่ที่การใช้แบ็คตัวรุกทั้งสองฝั่งในการสร้างความกว้างให้กับเกมรุก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฮร์ริสัน เบอร์โรวส์ ที่มักจะวิ่งขึ้นไปมีส่วนร่วมในเกมรุกอยู่เสมอ การเล่นแบบนี้ทำให้พวกเขาสามารถสร้างสถานการณ์ได้เปรียบตัวต่อตัวในพื้นที่ริมเส้น และสร้างโอกาสจากการเปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษได้อย่างแม่นยำและต่อเนื่อง
ในเกมนี้ ด้วยการได้เปรียบ 3-0 จากเกมแรก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดน่าจะปรับมาเล่นในแนวทางที่รัดกุมมากขึ้น เน้นการรักษาความได้เปรียบที่มีอยู่ พวกเขาอาจจะให้บริสตอล ซิตี้ครองบอลมากขึ้น แต่จะรอโอกาสในการสวนกลับอย่างรวดเร็วเมื่อมีโอกาส ความเร็วและความคล่องตัวของ ไทรีส แคมป์เบลล์ จะเป็นอาวุธสำคัญในการสวนกลับ รวมถึงความสามารถในการสร้างสรรค์ของ กุสตาโว ฮาเมอร์ และ คอลลัม โอแฮร์ ที่สามารถสร้างโอกาสได้แม้จากสถานการณ์ที่มีพื้นที่น้อย ทำให้เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดยังคงมีความอันตรายแม้จะเล่นแบบเน้นรับ
แทคติกของบริสตอล ซิตี้
บริสตอล ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของเลียม แมนนิ่ง ใช้ระบบสามกองหลังซึ่งต้องมีการปรับเปลี่ยนในเกมนี้ เนื่องจาก Rob Dickie ที่ถูกใบแดงในเกมแรกและจะพลาดการลงสนามในเกมนี้ การสูญเสียกองหลังคนสำคัญนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงในแนวรับของทีม โดยเฉพาะในเกมที่พวกเขาจำเป็นต้องเปิดเกมรุกเพื่อพลิกสถานการณ์
ในเกมนี้ บริสตอล ซิตี้จำเป็นต้องทำประตูอย่างน้อย 3 ประตูเพื่อมีโอกาสเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ ดังนั้น พวกเขาน่าจะปรับมาใช้แผนการเล่นที่เน้นเกมรุกมากขึ้น อาจจะเปลี่ยนมาใช้ระบบ 3-4-3 หรือ 3-5-2 ที่มีมิดฟิลด์ตัวรุกมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสทำประตูให้ได้มากที่สุด บทบาทของ อานิส เมห์เมติ และ นาคิ เวลส์ จะเป็นกุญแจสำคัญในการพยายามทำประตู รวมถึงการสร้างสรรค์ของ แมกซ์ เบิร์ด ที่จะต้องพยายามสร้างโอกาสให้กับกองหน้า
อย่างไรก็ตาม การเปิดเกมรุกมากเกินไปอาจทำให้เสี่ยงต่อการถูกโต้กลับจากเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ดังนั้น การรักษาสมดุลระหว่างการรุกและการรับจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริสตอล ซิตี้ในเกมนี้ เพื่อไม่ให้เสียประตูง่าย ๆ และยังคงมีโอกาสในการทำประตูเพื่อพลิกสถานการณ์ในช่วงท้ายเกม
บทสรุป
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดมีความได้เปรียบอย่างมากในเกมนี้ ด้วยการชนะ 3-0 ในเกมแรก และยังได้เปรียบจากการเล่นในบ้านในเกมเลกสอง ซึ่งทำให้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์ ในขณะที่บริสตอล ซิตี้ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก ทั้งการตามหลัง 3 ประตู การเล่นนอกบ้าน และการขาด Rob Dickie ที่เป็นกองหลังสำคัญของทีม
ในประวัติศาสตร์ของรอบเพลย์ออฟแชมเปียนชิพ มีเพียงไม่กี่ทีมเท่านั้นที่สามารถพลิกสถานการณ์จากการเป็นรองในเกมแรกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นรอง 3 ประตู ซึ่งถือเป็นอุปสรรคที่ยากมากสำหรับบริสตอล ซิตี้ที่จะเอาชนะได้ ดังนั้น เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดจึงเป็นทีมที่มีโอกาสสูงกว่าที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์และมีโอกาสที่ดีในการเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้า
อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลเป็นเกมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หากบริสตอล ซิตี้สามารถทำประตูได้เร็วในช่วงต้นเกม จะสามารถสร้างความกดดันให้กับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดและทำให้เกมเปลี่ยนไปในทิศทางที่ไม่คาดคิดได้ แต่โดยรวมแล้ว เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดยังคงเป็นทีมที่มีโอกาสสูงกว่าที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ และมีความพร้อมทั้งในเรื่องของขุมกำลังและแทคติกที่จะรักษาความได้เปรียบนี้ไว้ได้จนจบเกม
คำถาม-คำตอบ
ผู้เล่นคนใดที่น่าจะมีบทบาทสำคัญที่สุดในเกมนี้?
สำหรับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด กุสตาโว ฮาเมอร์ น่าจะเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในเกมนี้ เพราะเขาเป็นศูนย์กลางของเกมรุกและเกมรับของทีม ความสามารถในการครองบอล การจ่ายบอล และการยิงประตูของเขาจะเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมจังหวะเกม ฮาเมอร์มีความสามารถในการทำประตูจากระยะไกลและการจ่ายบอลที่แม่นยำ ซึ่งจะเป็นอาวุธสำคัญในการสร้างโอกาสให้กับทีม นอกจากนี้ ประสบการณ์และความเป็นผู้นำของเขาจะช่วยให้ทีมรักษาความสงบและมีสมาธิภายใต้ความกดดันจากบริสตอล ซิตี้ที่พยายามพลิกสถานการณ์
สำหรับบริสตอล ซิตี้ อานิส เมห์เมติ จะเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในเกมนี้ ในฐานะดาวซัลโวของทีมด้วยผลงาน 12 ประตู พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาความสามารถในการทำประตูของเขาเพื่อพลิกสถานการณ์ เมห์เมติมีความสามารถในการสร้างโอกาสด้วยตัวเองและการจบสกอร์ที่แม่นยำ หากเขาสามารถทำประตูได้ในช่วงต้นเกม จะช่วยสร้างความหวังและความมั่นใจให้กับทีม รวมถึงอาจสร้างความกดดันให้กับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดด้วย การทำงานร่วมกันระหว่างเมห์เมติและเวลส์ในแนวรุกจะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับบริสตอล ซิตี้ในการพยายามสร้างปาฏิหาริย์ในเกมนี้
การบาดเจ็บและการถูกแบนจะส่งผลต่อการแข่งขันอย่างไร?
การที่ Rob Dickie ถูกใบแดงในเกมแรกและจะพลาดการลงสนามในเกมนี้ จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริสตอล ซิตี้ เพราะ Dickie เป็นกองหลังตัวหลักที่มีความสำคัญต่อระบบการเล่นของทีม มีความสามารถในการเล่นเกมรับและการเริ่มต้นเกมรุกจากแนวรับ การขาดเขาไปจะทำให้แนวรับของบริสตอล ซิตี้อ่อนแอลง ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการในสถานการณ์ที่ต้องเปิดเกมรุกเพื่อพลิกผลการแข่งขัน
นอกจากนี้ บริสตอล ซิตี้ยังมีข่าวการบาดเจ็บของผู้เล่นคนสำคัญอย่าง Luke McNally, Mark Sykes และ Cam Pring ซึ่งอาจส่งผลต่อตัวเลือกในการจัดทัพของเลียม แมนนิ่ง การขาดผู้เล่นหลายรายในเกมสำคัญเช่นนี้ จะเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับบริสตอล ซิตี้ในการพยายามพลิกสถานการณ์และรักษาความแข็งแกร่งของทีมไว้
สำหรับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แม้จะมีรายงานว่าพวกเขาขาด Femi Seriki (ไหล่หลุด) และ Rhys Norrington-Davies (บาดเจ็บที่ขาหนีบ) แต่ด้วยความได้เปรียบ 3 ประตูจากเกมแรก การบาดเจ็บของผู้เล่นจึงไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนักต่อโอกาสในการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของพวกเขา คริส ไวล์เดอร์มีตัวเลือกมากพอที่จะปรับเปลี่ยนทีมและรักษาความแข็งแกร่งของทีมไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดยังคงเป็นทีมที่มีความพร้อมสูงในทุกด้านสำหรับเกมนี้
ตารางสถิติ
ตารางที่ 1: สถิติผู้เล่นคนสำคัญ
ผู้เล่น | ทีม | ประตู | แอสซิสต์ | จำนวนนัด |
---|---|---|---|---|
Tyrese Campbell | เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด | 10 | 1 | 34 |
Gustavo Hamer | เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด | 9 | 7 | 42 |
Jesurun Rak-Sakyi | เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด | 7 | 2 | 34 |
Harrison Burrows | เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด | 6 | 4 | 44 |
Callum O’Hare | เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด | 3 | 6 | 45 |
Anis Mehmeti | บริสตอล ซิตี้ | 12 | 1 | 43 |
Nahki Wells | บริสตอล ซิตี้ | 10 | 4 | 40 |
Scott Twine | บริสตอล ซิตี้ | 5 | 3 | 35 |
Ross McCrorie | บริสตอล ซิตี้ | 5 | 0 | 24 |
Jason Knight | บริสตอล ซิตี้ | 3 | 6 | 47 |
Max Bird | บริสตอล ซิตี้ | 1 | 8 | 47 |
ตารางที่ 2: เปรียบเทียบสถิติทีม
สถิติ | เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด | บริสตอล ซิตี้ |
---|---|---|
ตำแหน่งในตาราง | 3 | 6 |
คะแนนรวม | 90 | 68 |
ชนะ-เสมอ-แพ้ | 26-12-8 | 18-12-16 |
ผู้ทำประตูสูงสุด | Campbell (10) | Mehmeti (12) |
ผู้ทำแอสซิสต์สูงสุด | Hamer (7) | Bird (8) |
จำนวนประตูที่ทำได้ | 68 | 55 |
จำนวนประตูที่เสียไป | 38 | 49 |
ผลการแข่งขันเลกแรก | ชนะ 3-0 | แพ้ 0-3 |
บทวิเคราะห์นี้หวังว่าจะช่วยให้แฟนบอลไทยได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ครบถ้วนและสมดุลเกี่ยวกับการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อเพิ่มความสนุกและความเข้าใจในเกมที่มีความหมายอย่างยิ่งนี้ครับ!