พรีวิว: เชลซี vs ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2025
1. บทนำ
ศึกชิงแชมป์สโมสรโลก FIFA 2025 กำลังจะพบกับนัดชิงชนะเลิศที่สุดมันส์ เมื่อ เชลซี ทีมเต็งจากประเทศอังกฤษ จะลงสนามเผชิญหน้ากับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกปีนี้ ในวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2568 เวลา 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย ณ สนาม MetLife Stadium นิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา
นัดชิงชนะเลิศครั้งนี้เป็นพิเศษมาก ๆ เพราะเป็นการแข่งขันรูปแบบใหม่ของ FIFA Club World Cup ที่ขยายจากเดิม 7 ทีม เป็น 32 ทีม และเป็นครั้งแรกที่มีการจัดการแข่งขันในสหรัฐอเมริกา บรรยากาศแฟนบอลคาดว่าจะฟินสุด ๆ เพราะได้เห็นการเผชิญหน้าของทีมจากทวีปต่างกัน ทั้งสองทีมต่างมีเป้าหมายสูงที่จะคว้าแชมป์โลกระดับสโมสร โดยเชลซีต้องการเป็นสโมสรอังกฤษแรกที่คว้าแชมป์ 2 สมัย หลังจากเคยชนะในปี 2021 ซึ่งถ้าได้จริงก็จะเป็นการทำประวัติศาสตร์ใหม่ ส่วน PSG กำลังมุ่งหวังคว้าถ้วยรายการนี้เป็นครั้งแรกเพื่อทำให้ครบครันในฤดูกาลที่พวกเขาชนะทุกถ้วยรางวัลที่ลงแข่ง การแข่งขันครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การหาผู้ชนะ แต่เป็นการพิสูจน์ว่าทีมไหนจะเป็นสโมสรที่เก่งที่สุดในโลกตอนนี้
2. ผลงานและฟอร์มล่าสุด
เชลซี
เชลซีเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศด้วยฟอร์มที่ดูดี แต่ก็ไม่ได้เทพเกินไป โดยมีสถิติ 4 ชนะ 1 แพ้ ใน 5 นัดล่าสุดของศึกชิงแชมป์สโมสรโลก ได้ประตู 12 เสียประตู 5 ผลต่างประตู +7 ซึ่งดูแล้วเป็นผลงานที่โอเคแต่ยังไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่ เพราะยังเสียประตูเยอะไปหน่อย
รายชื่อผลการแข่งขัน 5 นัดล่าสุด:
-
ชนะ ฟลูมิเนนเซ่ 2-0 (รอบรองชนะเลิศ) – เกมนี้เล่นได้ค่อนข้างมั่นใจ
-
ชนะ พัลไมรัส 2-1 (รอบ 8 ทีมสุดท้าย) – เกมที่ลุ้นกันสุดมัน
-
ชนะ เบนฟิก้า 4-1 (รอบ 16 ทีม) – เกมที่ทำได้ยอดเยี่ยมสุด
-
ชนะ เอสเปรานซ์ เดอ ตูนิส 3-0 (รอบแบ่งกลุ่ม) – ชนะสบาย ๆ
-
แพ้ ฟลาเมงโก้ 1-3 (รอบแบ่งกลุ่ม) – เกมที่เล่นได้ห่วยมาก
จุดเด่นของเชลซีในทัวร์นาเมนต์นี้คือการมีผู้เล่นดาวรุ่ง ชูเอา เปโดร กองหน้าชาวบราซิลที่เพิ่งเข้าร่วมทีมระหว่างทัวร์นาเมนต์ แต่กลับกลายเป็นคีย์แมนด้วยการทำประตู 2 ลูกในรอบรองชนะเลิศ เด็กคนนี้เล่นได้เจ๋งจริง ๆ ส่วนในระยะยาวเขาจะเป็นยังไงต้องดูกันต่อไป นอกจากนี้ เปโดร เนโต้ ยังเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของทีมด้วย 3 ประตู ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ได้เยอะมาก แต่ก็ถือว่าช่วยทีมได้ดี ผลงานโดยรวมของเชลซีดูจะมีขึ้นลงบ้าง บางเกมเล่นได้ดีมาก บางเกมก็ดูงง ๆ แต่ที่สำคัญคือพวกเขาผ่านเข้ามาถึงรอบชิงได้
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
PSG เข้าสู่นัดชิงด้วยสถิติที่ดูน่าประทับใจกว่าเชลซีชัด ๆ โดยมีสถิติ 4 ชนะ 1 แพ้ เช่นเดียวกัน แต่มีการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าเยอะ โดยได้ประตู 12 เสียประตูเพียง 1 ลูก ผลต่างประตู +11 ซึ่งเป็นตัวเลขที่บอกได้ชัด ๆ ว่าพวกเขาเล่นได้ครบเครื่องทั้งรุกและรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันที่เสียประตูแค่ 1 ลูกตลอดทัวร์นาเมนต์นี่มันเจ๋งมาก ๆ
รายชื่อผลการแข่งขัน 5 นัดล่าสุด:
-
ชนะ เรอัล มาดริด 4-0 (รอบรองชนะเลิศ) – เกมที่ทำลายหัวใจคนดูทั่วโลก
-
ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-0 (รอบ 8 ทีมสุดท้าย) – ชนะทีมเยอรมันแชมป์ได้สบาย
-
ชนะ อินเตอร์ ไมอามี่ 4-0 (รอบ 16 ทีม) – ทุบทีมเมสซี่ได้แบบไม่ปรานี
-
ชนะ ซีแอตเติ้ล ซาวน์เดอร์ส 2-0 (รอบแบ่งกลุ่ม) – ชนะทีมอเมริกันสบาย ๆ
-
แพ้ โบตาโฟโก้ 0-1 (รอบแบ่งกลุ่ม) – เกมเดียวที่เล่นได้ไม่ดี
PSG โดดเด่นด้วยการเอาชนะทีมยักษ์ใหญ่อย่างเรอัล มาดริดได้อย่างสะเด็ดน้ำ 4-0 ในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งเป็นเกมที่ทำให้คนทั่วโลกต้องตกใจ เพราะไม่มีใครคิดว่าเรอัลจะแพ้ขาดลอยแบบนี้ โดยมี ฟาเบียน รุยซ์ ทำคู่แรกอย่างเจ๋ง และ อุสมาน เดมเบเล่ ที่ถือว่าเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในฤดูกาลนี้ด้วยสถิติ 35 ประตู 16 แอสซิสต์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่บอกได้ชัด ๆ ว่าเขาเล่นได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ ความสามารถในการทำประตูและสร้างโอกาสให้เพื่อนนี่เป็นสิ่งที่ทำให้ PSG ดูแกร่งมาก
3. ยุทธวิธีและแนวทางการเล่น
เชลซี (ภายใต้การคุมทีมของ เอ็นโซ มาเรสก้า)
เชลซีเล่นในระบบ 4-2-3-1 ที่ดูเป็นระเบียบและมีแบบแผนชัด ๆ โดยเน้นการครอบครองบอลอย่างมีระเบียบแบบแผน ซึ่งเป็นสไตล์ที่ดูสวยงามและควบคุมเกมได้ดี มีสถิติการส่งบอลยาวเพียง 4.5% ซึ่งน้อยที่สุดในทัวร์นาเมนต์รองจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาชอบเล่นบอลสั้น ๆ ผ่าน ๆ กันแบบมีสมองมากกว่าส่งบอลยาวแบบไม่คิดอะไร
จุดแข็งทางยุทธวิธีที่เด่นชัด:
-
การสร้างจังหวะการโจมตีแบบ positional attack 31.33 ครั้งต่อเกม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเล่นแบบมีแผนและลูกเล่นเยอะ ไม่ใช่แค่เตะไปเรื่อย ๆ
-
การสวนกลับแบบรวดเร็วที่ทำได้ยอดเยี่ยม โดยทำประตูจากการสวนกลับได้ 6 ประตู มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจังหวะและความเร็วในการเปลี่ยนจากรับเป็นรุก
-
การใช้เซ็ตพีซหลากหลายรูปแบบที่ดูสร้างสรรค์ โดยเฉพาะคอร์เนอร์แบบสั้นที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเดาไม่ได้ว่าจะเล่นยังไง
-
การยิงจำนวนมากถึง 100 ครั้ง มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ แสดงว่าพวกเขาสร้างโอกาสได้เยอะและไม่กลัวที่จะยิง
ผู้เล่นสำคัญที่ต้องจับตา: โคล พาลเมอร์ (ผู้สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมที่เก่งมาก), เอ็นโซ เฟร์นานเดซ (มีแอสซิสต์มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ 3 ครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาส่งบอลให้เพื่อนทำประตูได้ดี), ชูเอา เปโดร (กองหน้าตัวเป้าที่เพิ่งมาใหม่แต่เล่นได้ดี)
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้)
PSG เล่นในระบบ 4-3-3 ที่ดูยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ โดยเน้นการครอบครองบอลผสมผสานกับการเปลี่ยนจังหวะการโจมตีที่รวดเร็ว ซึ่งเป็นสไตล์ที่ดูสนุกและน่าตื่นเต้น มีจุดเด่นที่การเล่นได้หลากหลายรูปแบบและความคล่องตัวในการหมุนเวียนตำแหน่งผู้เล่น ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเดาไม่ได้ว่าจะโจมตีจากจุดไหน
จุดแข็งทางยุทธวิธีที่โดดเด่น:
-
การกดดันสูงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในทัวร์นาเมนต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นบอลสบาย ๆ และต้องรีบ ๆ ตลอด
-
การป้องกันแบบกะทัดรัดที่เสียประตูเพียง 1 ลูกตลอดทัวร์นาเมนต์ ซึ่งเป็นสถิติที่เจ๋งสุด ๆ แสดงว่าแนวรับของพวกเขาเป็นระเบียบมาก
-
การโจมตีที่มีผู้เล่น 10 คนทำประตูรวมกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ดาวเดียวที่ทำประตูให้ทีม แต่ทุกคนสามารถมาช่วยกันทำประตูได้
-
การใช้แบ็กขวา อาชราฟ ฮาคิมี่ เป็นจุดสำคัญในการสร้างเกม ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากผู้เล่นที่เร็วและเทคนิคดี
ผู้เล่นสำคัญที่ต้องจับตา: อุสมาน เดมเบเล่ (ดาวซัลโวของทีมในฤดูกาลนี้ที่เล่นได้ยอดเยี่ยม), ควิชา ควารัตสเคเลีย (วิงเกอร์ตัวใหม่ที่มาแรงมาก), มาร์กินญอส (กัปตันและหัวหอกแนวรับที่เล่นได้มั่นคง)
4. การประเมินโอกาสชนะ
จากการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่ได้มา PSG ถือเป็นเต็งชนะด้วยหลายปัจจัยที่ดูชัดเจน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเชลซีจะไม่มีโอกาสเลย เพราะฟุตบอลมันมีอะไรเกิดขึ้นได้เสมอ
ข้อได้เปรียบของ PSG ที่ดูเด่นชัด:
-
ประสบการณ์และความมั่นใจหลังชนะแชมเปียนส์ลีกมาใหม่ ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองแกร่งและชนะใครได้หมด
-
ฟอร์มการทำประตูและการป้องกันที่ดีกว่าเชลซีอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเสียประตูเพียง 1 ลูกตลอดทัวร์นาเมนต์ ซึ่งเป็นสถิติที่เจ๋งสุด ๆ
-
ความลึกของทีมและคุณภาพผู้เล่นโดยรวมที่ดูจะเหนือกว่า โดยเฉพาะในด้านดาวเด่น ๆ ที่มีประสบการณ์ระดับโลก
-
สถิติสีหเสื้อใหม่ของสโมสรที่ชนะไป 48 เกม ทำลายสถิติเดิมของตัวเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฟอร์มดีมาก
ข้อได้เปรียบของเชลซีที่ไม่ควรมองข้าม:
-
ประสบการณ์ในการเล่นนัดชิงชนะเลิศ Club World Cup เพราะเคยชนะในปี 2021 มาแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้พวกเขารู้ว่าต้องเล่นยังไงในเกมสำคัญ
-
การเล่นที่มีระเบียบแบบแผนของมาเรสก้าที่ดูมีเหตุผลและแผนการชัดเจน
-
โมเมนตัมจากการเอาชนะทีมบราซิล 2 ทีมติดต่อกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเล่นกับทีมที่มีเทคนิคได้ดี
-
ความหิวกระหายชัยชนะของผู้เล่นหนุ่มที่อยากพิสูจน์ตัวเองในเวทีโลก
ตามการคำนวณที่มีคน analyze กัน PSG มีโอกาสชนะ 64.4% ขณะที่เชลซีมีโอกาส 35.6% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดูสมเหตุสมผลกับฟอร์มและผลงานที่ผ่านมา
5. คำถาม-คำตอบ เปิดมุมมองแฟนบอล
คำถามที่ 1: ยุทธวิธีใดที่อาจเป็นปัจจัยแปลกใจในเกมนี้?
คำตอบ: การใช้เซ็ตพีซอาจเป็นจุดเปลี่ยนเกมสำคัญในนัดนี้ เพราะเชลซีมีจุดแข็งในการเล่นคอร์เนอร์แบบสั้นและการสร้างสถานการณ์หลากหลายที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเดาไม่ได้ ซึ่งถ้าใช้ได้ดีอาจทำให้ได้ประตูสำคัญก็เป็นได้ ขณะที่ PSG อาจใช้ความเร็วของเดมเบเล่และควารัตสเคเลียในการสวนกลับจากสถานการณ์เซ็ตพีซของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะในขณะที่เชลซีส่งคนขึ้นไปเล่นเซ็ตพีซ PSG อาจใช้โอกาสนี้สวนกลับแบบรวดเร็ว นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนตำแหน่งของฮาคิมี่เข้ามาในแดนกลางอาจเป็นการเคลื่อนไหวที่เชลซีต้องปรับตัวให้เร็ว เพราะเขาเป็นผู้เล่นที่เทคนิคดีและวิ่งเร็วมาก ถ้าเชลซีไม่ระวังอาจโดนจับจังหวะได้
คำถามที่ 2: สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมจะส่งผลต่อการเล่นอย่างไร?
คำตอบ: การแข่งขันที่ MetLife Stadium คาดว่าจะมีอุณหภูมิประมาณ 28-30 องศาเซลเซียส ซึ่งอยู่ในระดับที่เล่นได้สบายและไม่ได้ร้อนจนเกินไป หลังจากที่เกมก่อนหน้านี้มีปัญหาอุณหภูมิสูงถึง 35 องศาที่ทำให้ผู้เล่นเหนื่อยเร็วและเล่นได้ไม่เต็มที่ สภาพอากาศที่เหมาะสมในเกมนี้จะช่วยให้ผู้เล่นทั้งสองทีมสามารถแสดงความสามารถได้เต็มที่ และอาจส่งผลให้เห็นเกมที่มีจังหวะเร็วและการเคลื่อนไหวมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังที่อุณหภูมิจะลดลงอีก ซึ่งเป็นช่วงที่อาจจะมีการเปลี่ยนผู้เล่นและการเล่นที่ดูฟินมากขึ้น สนามใหม่ ๆ แบบนี้ก็อาจทำให้บรรยากาศดูพิเศษและน่าตื่นเต้นกว่าปกติ
6. ตารางสถิติ
ตารางที่ 1: สถิติการแข่งขัน 5 นัดล่าสุด
ทีม | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ประตู | เสียประตู | ผลต่างประตู |
---|---|---|---|---|---|---|
เชลซี | 4 | 0 | 1 | 12 | 5 | +7 |
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง | 4 | 0 | 1 | 12 | 1 | +11 |
ตารางที่ 2: ประวัติการพบกันระหว่างเชลซี vs ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
วันที่ | ผลการแข่งขัน | รายการ |
---|---|---|
9/03/2016 | เชลซี 1-2 เปแอสเช | ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก |
16/02/2016 | เปแอสเช 2-1 เชลซี | ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก |
11/03/2015 | เชลซี 2-2 เปแอสเช | ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก |
17/02/2015 | เปแอสเช 1-1 เชลซี | ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก |
8/04/2014 | เชลซี 2-0 เปแอสเช | ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก |
สถิติรวม: PSG ชนะ 3 เชลซี ชนะ 2 เสมอ 3 จากการพบกัน 8 ครั้ง
นัดชิงชนะเลิศ FIFA Club World Cup 2025 นี้จึงเป็นการเผชิญหน้าระหว่างสองทีมที่มีศักยภาพใกล้เคียงกัน แต่ PSG ดูจะมีประสบการณ์และคุณภาพโดยรวมที่เหนือกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะในด้านการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เชลซีต้องพึ่งพาการเล่นเป็นทีมและโมเมนตัมจากการเป็นตัวม้ามืดที่ไม่มีใครคิดว่าจะมาไกลขนาดนี้ เกมนี้น่าจะเป็นการแข่งขันที่สนุกสนาน ตื่นเต้น และลุ้นกันจนนาทีสุดท้าย เพราะทั้งสองทีมต่างก็มีจุดแข็งที่สามารถทำให้ชนะได้ และที่สำคัญคือทั้งคู่ต่างก็หิวแชมป์มาก ๆ