ไฮไลท์บอล แมนฯ ยูไนเต็ด พบ โอลิมปิก ลียง ยูโรป้าลีก แมนฯ ยูไนเต็ด เกิบพลาดท่าคาบ้าน โดน ลียง ไล่ตีเสมอสุดมันส์ 2-2 ศึกยูโรปาลีก สรุป แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะไป 5-4
บทสรุปดราม่า: นำก่อนแต่โดนแซง เกมสุดคลาสสิกที่โอลด์แทรฟฟอร์ด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สมัครดูบอลสดฟรี ออกสตาร์ทนัดที่สองในรอบก่อนรองชนะเลิศยูโรปาลีกด้วยความได้เปรียบจากการเล่นในบ้านที่โอลด์แทรฟฟอร์ด และสามารถขึ้นนำได้ก่อนถึงสองประตู สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลที่แน่นขนัดทั้งสนาม แต่กลับต้องช็อกเมื่อถูกทีมเยือนจากฝรั่งเศสอย่างโอลิมปิก ลียง ไล่ตามตีเสมอได้ในช่วงเวลาสำคัญ ทำให้ทั้งสองนัดมีผลเสมอกัน 4-4 และต้องยื้อกันไปจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ซึ่งกลายเป็นดราม่าสุดเข้มข้นที่ไม่มีใครคาดคิดล่วงหน้าได้
ครึ่งแรกที่เต็มไปด้วยจังหวะหวือหวาและเกมรุกอันดุดัน
เกมรุกจัดจ้านตั้งแต่นาทีแรก ก่อนทำประตูเบิกสกอร์เร็ว
การ์นาโช่ – อูการ์เต้ ผนึกกำลังเปิดเกมให้ยูไนเต็ดขึ้นนำไว
เสียงเชียร์กระหึ่มจากแฟนบอล “ปีศาจแดง” ตารางบอล ช่วยผลักดันให้ผู้เล่นแมนฯ ยูไนเต็ดออกสตาร์ทเกมด้วยจังหวะที่เร็วและเฉียบคม พวกเขาไม่รอช้าและใช้เวลาเพียง 10 นาทีในการพังแนวรับของลียงแบบสุดคม หลังจากที่ บรูโน่ แฟร์นันเดส ตัดบอลได้กลางสนามก่อนจ่ายให้ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่โชว์ลีลาลากเลื้อยผ่านกองหลังคู่แข่งถึงสองคน ก่อนจะตบกลับมาให้ มานูเอล อูการ์เต้ ที่วิ่งสอดมาพอดี ยิงเข้าไปแบบไม่พลาด ส่งแมนฯ ยูไนเต็ดขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็วในช่วงที่ทีมเยือนยังตั้งเกมไม่ติด
บรรยากาศในสนามเร่าร้อน เกมแลกหมัดไม่มีใครยอมใคร
เชอร์กี้ของลียงตอบโต้ได้หวือหวา โอนานาโชว์เซฟสุดงาม
หลังจากได้ประตูนำ แมนฯ ยูไนเต็ดไม่ได้หยุดแค่การครองบอล พวกเขายังเดินหน้าบุกต่อแบบไม่มีผ่อน เกมในช่วงกลางครึ่งแรกกลายเป็นการปะทะกันอย่างสูสี ลียงตอบโต้ด้วยจังหวะเร็วโดยมีรายัน เชอร์กี้ เป็นหัวใจหลักในการสร้างสรรค์เกมรุก ดาวรุ่งวัย 21 ปีรายนี้จ่ายบอลทะลุช่องได้อย่างแม่นยำ และเกือบทำประตูตีเสมอได้ถึงสองครั้งในนาทีที่ 22 และ 32 แต่ต้องยกเครดิตให้กับ อังเดร โอนานา ที่กลับมาอยู่ในฟอร์มยอดเยี่ยมอีกครั้ง เซฟลูกสำคัญไว้ได้ทั้งหมด ทำให้เกมยังคงอยู่ในความควบคุมของเจ้าบ้าน
แมนฯ ยูไนเต็ดทำได้ดีต่อเนื่อง แต่ลียงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ดาโลต์ยิงสุดคมก่อนจบครึ่งแรก เพิ่มความได้เปรียบเป็นสองประตู
แม็กไกวร์วางบอลแม่น ดาโลต์จัดการจบสกอร์สวยงาม
แม้จะถูกกดดันจากลียงบ้าง แต่แมนฯ ยูไนเต็ดกลับมีโอกาสบวกประตูเพิ่มในนาทีที่ 39 จากจังหวะที่ ดาโลต์ วางบอลยาวให้ บรูโน่ ยิงเต็มข้อ แต่บอลไปชนคานเสียงดังสนั่น โชคยังไม่เข้าข้าง อย่างไรก็ตาม ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรกนาทีที่ 45+1 ทีมเจ้าบ้านก็ฉีกแนวรับอีกครั้ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ วางบอลข้ามสนามได้อย่างแม่นยำให้ ดาโลต์ ที่อยู่ในตำแหน่งว่าง จับบอลหนึ่งจังหวะก่อนยิงทะแยงมุมเข้าไปอย่างเฉียบคม ทำให้จบครึ่งแรกแมนฯ ยูไนเต็ดนำ 2-0 สร้างบรรยากาศแห่งความหวังให้กับแฟนบอลทั้งสนาม
ครึ่งหลังเกมพลิกอย่างเหลือเชื่อ ลียงค่อยๆ ไล่บี้จนตีเสมอ
แมนยูใช้โอกาสเปลือง ก่อนที่ลียงจะทำประตูแบบเด็ดขาด
นาทีที่ 71 และ 78 สองประตูเปลี่ยนโฉมเกมทั้งสนาม
เปิดครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ดยังคงเล่นในสไตล์เดิมคือบุกต่อเนื่อง และมีจังหวะทองจากการ์นาโช่ และเจเรมี่ ดอร์กู ที่ได้ยิงหน้าปากประตูแบบโล่งๆ แต่กลับยิงพลาดไปหมด ความเฉียบคมที่ขาดหายไปเริ่มสร้างปัญหา และนั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะในนาทีที่ 71 ลียงได้ประตูไล่มา 2-1 จากลูกโหม่งจ่อๆ และแค่เจ็ดนาทีต่อมา นิโกลัส ทาเกลียฟิโก้ ก็ซัดระยะเผาขนเข้าไปอีกครั้ง พลิกสถานการณ์สู่การเสมอ 2-2 และส่งผลให้สกอร์รวมกลายเป็นลียงนำ 5-4 ทันที
ความได้เปรียบในตัวผู้เล่นที่ไม่ถูกใช้ประโยชน์
เมาท์ลงสนามเปลี่ยนเกม แต่การปะทะทำให้ลียงเหลือ 10 คน
โตลิสโซ่โดนไล่ออกช่วงท้าย เปิดโอกาสให้ปีศาจแดงแก้เกม
ในช่วงท้ายเกม เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ดตกอยู่ในสถานการณ์ตามหลัง เอริก เทน ฮาก ตัดสินใจส่ง เมสัน เมาท์ ลงสนามทันที และการเปลี่ยนตัวนี้ดูเหมือนจะจุดชนวนการปะทะกับ โยโร่ ของลียง จนกระทั่ง โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ ได้รับใบเหลืองที่สอง กลายเป็นใบแดง ทำให้ลียงเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนในช่วงต่อเวลาพิเศษ แม้แมนฯ ยูไนเต็ดจะมีจำนวนผู้เล่นมากกว่า แต่กลับไม่สามารถฉวยโอกาสนี้ได้ในทันที
ช่วงต่อเวลาที่บ้าคลั่ง เชอร์กี้ยิงนำ แต่แมนยูฮึดสู้จนระเบิดสนาม
นาทีที่ 105 เชอร์กี้ยิ่งใหญ่ ยิงสุดแรงให้ลียงแซง
ก่อนที่ Mainoo และ Maguire จะสวมบทฮีโร่ส่งทีมเข้ารอบ
ช่วงต่อเวลาพิเศษเปิดฉากด้วยความเงียบที่กดดันในฝั่งเจ้าบ้าน ก่อนที่ในนาทีที่ 105 รายัน เชอร์กี้ จะระเบิดความสามารถเฉพาะตัวด้วยการยิงจากระยะประมาณ 16.5 เมตร บอลพุ่งแรงและแม่นยำจนโอนานาไม่สามารถป้องกันได้ ส่งให้ลียงแซงนำ 3-2 และดูเหมือนว่านี่จะเป็นประตูปิดฉากความหวังของแมนฯ ยูไนเต็ด แต่เกมยังไม่จบเพียงเท่านั้น
ช่วงเวลาที่เหลือ แมนฯ ยูไนเต็ดกลับมาอย่างมหัศจรรย์ เมื่อ Kobbie Mainoo ดาวรุ่งพุ่งแรง และแฮร์รี่ แม็กไกวร์ แนวรับจอมเก๋า ช่วยกันยิงคนละลูกในนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษ ทำให้สกอร์รวมกลับมานำ 6-5 ท่ามกลางเสียงเฮลั่นสนาม Old Trafford กลายเป็นเกมที่ไม่มีใครลืมได้ง่ายๆ และเป็นค่ำคืนที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายของแฟนบอลทั่วโลก
