บทวิเคราะห์จุดเปลี่ยนสำคัญในเกมระหว่าง”สตีฟเนจ”กับ”เบอร์มิ่งแฮม”
บทนำ
ศึกฟุตบอลระหว่างสตีฟเนจกับเบอร์มิ่งแฮมเป็นแมตช์ที่ดูแล้วน่าจะสนุกและลุ้นกันมันส์หยดแน่นอน เพราะทั้งสองทีมต่างก็มีสไตล์การเล่นที่ไม่เหมือนกันและมีจุดเด่นของตัวเองที่ชัดเจน เกมนี้เลยกลายเป็นที่จับตามองของแฟนบอลสายวิเคราะห์และคนที่ชอบดูบอลแบบลุ้นทุกวินาที ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มการเล่นล่าสุด ตัวผู้เล่นที่พร้อมลงสนาม หรือแท็กติกที่โค้ชทั้งสองทีมเตรียมมา ทุกอย่างล้วนมีผลต่อเกมนี้หมด สมัครสมาชิก เรียกได้ว่าแค่เสียงนกหวีดเริ่มเกมก็ทำให้แฟนบอลตื่นเต้นกันแล้ว เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในสนามจริงๆ
จุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจเกิดขึ้น
1. ประตูแรกในช่วงต้นเกม
ถ้ามีทีมไหนยิงประตูได้ตั้งแต่ช่วง 10-15 นาทีแรกของเกม บรรยากาศในสนามจะเปลี่ยนไปแบบเห็นได้ชัดเลย ทีมที่ได้ประตูจะมีความมั่นใจมากขึ้น เล่นเกมได้ง่ายขึ้น ส่วนทีมที่เสียประตูจะต้องพยายามเร่งเกมเพื่อเอาคืน ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เปิดเกมรุกมากเกินไปจนโดนสวนกลับได้ง่ายๆ
2. ใบแดงหรือใบเหลืองสะสม
ถ้ามีผู้เล่นโดนใบแดง หรือมีใบเหลืองเยอะๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีม จะทำให้แผนที่วางไว้ต้องเปลี่ยนทันที ทีมที่เสียเปรียบเรื่องจำนวนผู้เล่นจะต้องเล่นแบบระวังมากขึ้น และอาจจะต้องเน้นเกมรับมากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้โอกาสในการทำเกมรุกลดลงไปเยอะเลย
3. การเปลี่ยนตัวสำคัญ
การเปลี่ยนตัวผู้เล่นในช่วงเวลาสำคัญ เช่น ครึ่งหลังหรือช่วงที่เกมเริ่มตึงเครียด อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้รูปเกมเปลี่ยนไปได้เลย โดยเฉพาะถ้าส่งผู้เล่นที่มีความเร็วหรือมีเทคนิคดีๆ ลงมาเติมเกมรุก หรือแม้แต่เปลี่ยนเพื่อเสริมเกมรับ ก็มีผลต่อจังหวะของเกมทั้งคู่
4. ลูกตั้งเตะ (เซ็ตพีซ)
ลูกเตะมุมกับฟรีคิกเป็นอีกหนึ่งจุดที่อาจเปลี่ยนเกมได้ทันที เพราะบางทีเกมอาจจะอึดอัด ยิงกันไม่ได้ แต่ถ้าได้ลูกตั้งเตะในจังหวะสำคัญแล้วมีคนโหม่งหรือยิงเข้าไป เกมจะเปลี่ยนทันที ทีมที่ได้ประตูจากลูกเซ็ตพีซจะได้เปรียบทั้งเรื่องสกอร์และกำลังใจ
วิเคราะห์สถานการณ์แต่ละจุดเปลี่ยน
-
ประตูต้นเกม: ถ้าสตีฟเนจเป็นฝ่ายยิงได้ก่อนตั้งแต่ต้นเกม พวกเขาจะเน้นเกมรับให้แน่นขึ้นและรอจังหวะสวนกลับเร็วเพื่อปิดเกม ส่วนเบอร์มิ่งแฮมจะต้องเปิดเกมรุกมากขึ้น อาจจะเปลี่ยนแผนมาเล่นเกมบุกเต็มตัว ซึ่งจะทำให้เกมเปิดและมีโอกาสเกิดประตูเพิ่มทั้งสองฝั่ง แต่ถ้าเบอร์มิ่งแฮมยิงได้ก่อน เกมจะเปลี่ยนเป็นสตีฟเนจที่ต้องเร่งเกมบุกแทน
-
ใบแดงหรือใบเหลือง: ใบแดงหรือใบเหลืองเยอะๆ จะทำให้ทีมที่เสียเปรียบต้องเปลี่ยนแผนทันที ถ้าเหลือผู้เล่นน้อยกว่า จะต้องถอยตั้งรับลึกและเล่นแบบรัดกุมมากขึ้น โอกาสโดนยิงเพิ่มก็มีสูงขึ้น ส่วนอีกทีมจะได้เปรียบเรื่องจำนวนผู้เล่นและสามารถคุมเกมได้ง่ายขึ้น
-
การเปลี่ยนตัว: ถ้ามีการเปลี่ยนตัวที่ถูกจังหวะ เช่น ส่งกองหน้าความเร็วสูงลงมาในช่วงที่กองหลังคู่แข่งเริ่มล้า หรือเปลี่ยนตัวกลางที่คุมเกมได้ดีลงมาเสริม จะช่วยให้ทีมมีโอกาสสร้างสรรค์เกมหรือป้องกันประตูได้ดีขึ้น บางทีตัวสำรองอาจกลายเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยให้ทีมเลยก็ได้
-
ลูกตั้งเตะ: ลูกเตะมุมกับฟรีคิกในพื้นที่อันตรายเป็นโอกาสทองของทั้งสองทีม เพราะถ้าได้ประตูจากจังหวะนี้ จะทำให้เกมเปลี่ยนทันที ทีมที่ได้ประตูจะเล่นได้ง่ายขึ้น ส่วนอีกทีมต้องเร่งเกมเพื่อเอาคืน ทำให้จังหวะเกมเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
สรุป
เกมนี้มีโอกาสสูงที่จะตัดสินกันที่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นการยิงประตูได้ก่อน การควบคุมอารมณ์ไม่ให้โดนใบเหลืองหรือใบแดงง่ายๆ หรือการใช้โอกาสจากลูกตั้งเตะให้คุ้มค่าที่สุด ทีมไหนที่เล่นอย่างมีวินัยและใช้จุดแข็งของตัวเองให้เต็มที่ มีสมาธิกับเกมตลอด 90 นาที ก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นฝ่ายชนะในแมตช์นี้ สุดท้ายแล้วเกมนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งแมตช์ที่แฟนบอลทั้งสองทีมต้องลุ้นกันจนวินาทีสุดท้ายแน่นอน
Q&A (คำถาม-คำตอบเปิด)
Q1: ถ้าทีมใดเสียประตูตั้งแต่ต้นเกมจะเกิดอะไรขึ้น?
A1: ทีมที่เสียประตูเร็วต้องเปลี่ยนแผนทันที จากที่อาจจะวางแผนเล่นแบบรัดกุม ก็ต้องเปิดเกมรุกมากขึ้นเพื่อเอาคืน ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกมรับมีช่องโหว่และโดนสวนกลับง่ายขึ้นด้วย
Q2: หากมีใบแดงเกิดขึ้นกับทีมใดทีมหนึ่ง ผลกระทบจะเป็นอย่างไร?
A2: ทีมที่โดนใบแดงจะเหลือผู้เล่นน้อยกว่า ต้องถอยไปตั้งรับมากขึ้น โอกาสโดนยิงประตูเพิ่มก็มีสูงขึ้น ส่วนอีกทีมจะได้เปรียบเรื่องจำนวนผู้เล่นและสามารถคุมเกมได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ
ตารางเปรียบเทียบ
ตารางที่ 1: สถิติการได้ลูกตั้งเตะ (เตะมุม/ฟรีคิก) ของทั้งสองทีม
ทีม | เตะมุมเฉลี่ยต่อเกม | ฟรีคิกเฉลี่ยต่อเกม |
---|---|---|
สตีฟเนจ | 4.8 | 13.2 |
เบอร์มิ่งแฮม | 5.1 | 14.0 |
ตารางที่ 2: สถิติใบเหลือง/ใบแดงเฉลี่ยต่อเกม
ทีม | ใบเหลือง/เกม | ใบแดง/เกม |
---|---|---|
สตีฟเนจ | 1.7 | 0.08 |
เบอร์มิ่งแฮม | 2.1 | 0.12 |