เรื่องเดิมๆ ที่ไม่เคยเก่า! มองย้อนศึก “สิงห์ผงาด” ปะทะ “เจ้าสัวน้อย” ใครจะอยู่ใครจะไป?
เอ้า! ว่ากันว่าในโลกฟุตบอลอังกฤษเนี่ย คู่กัดที่ชื่อ แอสตัน วิลล่า กับ ฟูแล่ม มันส์หยดติ๋งมานานแล้วเว้ยแก! สองทีมนี้เค้าซัดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ยันรุ่นหลาน เจอกันทีไรเป็นต้องมีอะไรให้พูดถึงตลอด ไม่ว่าจะเป็นเกมในพรีเมียร์ลีกสุดเดือด หรือศึกชิงตั๋วเลื่อนชั้นสุดมันส์ การเจอกันของสองทีมนี้มันไม่ได้มีแค่เรื่องผลแพ้ชนะ แต่มันมีเรื่องศักดิ์ศรี เรื่องแย่งซีน เรื่องโชว์เหนือให้เห็นกันไปเลย การที่เรามานั่งส่องประวัติศาสตร์ของคู่นี้ มันจะช่วยให้เราเข้าใจได้เลยว่าทำไมการเจอกันครั้งต่อไปมันถึงต้องเดือดพล่านขนาดนี้
เปิดกรุความหลัง! สถิติและโมเมนต์ที่ยังตราตรึง
ย้อนไปตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา สองทีมนี้เค้าเจอกันไปแล้วทั้งหมด 41 แมตช์ ผลปรากฏว่า “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า เหนือกว่าอยู่จึ๋งนึง ชนะไป 18 ครั้ง เสมอกัน 11 ครั้ง ส่วนฟูแล่มชนะไป 12 ครั้ง แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่จำนวนครั้งที่ชนะเว้ย! แต่มันอยู่ที่แต่ละเกมที่เจอกัน มันมีสตอรี่ มีดราม่าให้พูดถึงไม่จบไม่สิ้น อย่างเรื่องการยิงประตูรวมเนี่ย วิลล่าซัดไป 56 ลูก (เฉลี่ย 1.4 ลูกต่อเกม) ส่วนฟูแล่มตามมาติดๆ ที่ 44 ลูก (เฉลี่ย 1.1 ลูกต่อเกม) เห็นมั้ยว่ามันไม่ได้ขาดกันเยอะขนาดนั้น
แต่ถ้าจะให้พูดถึงแมตช์ที่พีคสุดๆ คงหนีไม่พ้นศึกเพลย์ออฟแชมเปี้ยนชิพปี 2018 ที่สนามเวมบลีย์ ที่ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม เชือด “สิงห์ผงาด” ไป 1-0 จากประตูของ ทอม แคร์นีย์ ชัยชนะครั้งนั้นมันไม่ใช่แค่สามแต้ม แต่มันคือตั๋วไปเล่นในพรีเมียร์ลีกที่มีมูลค่ามหาศาลถึง 160 ล้านปอนด์! เกมนั้นมันเดือดจน ฟูแล่ม ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน หลังจาก เดนิส โอดอย โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม แต่นั่นแหละ! พวกเค้าก็ยังกัดฟันสู้จนคว้าชัยมาได้
นอกจากนี้ ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2023 ที่ออร์แลนโด “สิงห์ผงาด” ก็เอาคืน “เจ้าสัวน้อย” ไปได้ 2-0 จาก เจเดน ฟิโลจีน และ มุสซ่า ดิอาบี้ ถึงจะเป็นแค่เกมอุ่นเครื่อง แต่บรรยากาศในสนามมันก็ยังเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความดุเดือด อูไน เอเมรี่ กุนซือของวิลล่าตอนนั้น ยังบอกเลยว่ามันเป็น “เกมที่แปลกประหลาด” และทีมของเค้า “เริ่มต้นเกมได้ช้าและไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดี”
เปลี่ยนไปเยอะ! สถานการณ์ปัจจุบันของทั้งสองทีม
ช่วงหลังๆ มานี้ ทั้งสองทีมเค้ามีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก โดยเฉพาะ แอสตัน วิลล่า ที่ภายใต้การคุมทีมของ อูไน เอเมรี่ พวกเค้าทำผลงานได้ดีสุดๆ ในฤดูกาล 2023/24 จบอันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีก คว้าตั๋วไปลุยศึกแชมเปี้ยนส์ลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี!
แต่ช่วงซัมเมอร์ 2024 ที่ผ่านมา ทีมจากวิลล่า พาร์ค เค้าก็มีการปรับทัพครั้งใหญ่ มีนักเตะใหม่เข้ามาเสริมทีมเพียบ ไม่ว่าจะเป็น อิอัน มาทเซน, ซามูเอล อีลิง-จูเนียร์, รอสส์ บาร์คลีย์, คาเมรอน อาร์เชอร์, เจเดน ฟิโลจีน และ อมาดู โอนานา แต่ในขณะเดียวกัน พวกเค้าก็ต้องเสียผู้เล่นตัวหลักอย่าง ดักลาส ลุยซ์ และ มุสซ่า ดิอาบี้ ไปด้วยเหมือนกัน
โอลลี วัตกินส์ กลายเป็นหัวใจสำคัญของ “สิงห์ผงาด” ไปแล้ว เพราะฤดูกาลที่ผ่านมา เค้าเป็นดาวซัลโวของทีม (19 ประตู) และยังเป็นจอมแอสซิสต์อันดับหนึ่งของพรีเมียร์ลีก (13 ครั้ง) ด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงของเค้า ทำให้ วัตกินส์ กลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ครบเครื่องที่สุดในลีกไปแล้ว นอกจากนี้ เอเมรี่ยังเปลี่ยนสนามเหย้าของทีมให้กลายเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่ง แถมผลงานนอกบ้านของทีมก็ยังดีเป็นอันดับสี่ของลีกอีกด้วย
บทสรุป: ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย หรือจะมีอะไรเซอร์ไพรส์?
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา และสถานการณ์ปัจจุบันของทั้งสองทีม เราอาจจะคาดหวังได้ว่าการเจอกันครั้งต่อไป มันจะต้องเป็นเกมที่ดุเดือดและเข้มข้นแน่นอน ถึงแม้ว่า “สิงห์ผงาด” จะมีฟอร์มที่ดีกว่าในช่วงหลัง แต่ประวัติศาสตร์มันก็สอนให้เรารู้ว่า “เจ้าสัวน้อย” ก็มีทีเด็ดในการเจอกับทีมใหญ่ๆ เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมสำคัญๆ อย่างเช่น ศึกเพลย์ออฟปี 2018
การที่ “สิงห์ผงาด” ต้องลงเล่นทั้งในพรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนส์ลีก มันอาจจะส่งผลกระทบต่อฟอร์มของทีมในการเจอกับ “เจ้าสัวน้อย” ก็ได้ แต่ด้วยประสบการณ์และความสามารถของ อูไน เอเมรี่ มันก็อาจจะช่วยให้พวกเค้าสามารถรับมือกับความท้าทายนี้ได้ สถิติอาจจะบอกว่า “สิงห์ผงาด” มีโอกาสชนะมากกว่า แต่ในโลกของฟุตบอล อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ!
ถามมาตอบไป: เจาะลึกความเป็นมาของศึก “สิงห์ผงาด” ปะทะ “เจ้าสัวน้อย”
ทำไมคู่นี้ถึงเป็นคู่กัดกันมานาน?
คืออย่างงี้เว้ย! คู่นี้เค้าไม่ได้เป็นคู่ปรับกันแบบเจอกันแล้วต้องฆ่าต้องแกงกันขนาดนั้น แต่ที่มันส์ก็คือ เวลาเจอกันทีไร มันมักจะเป็นช่วงเวลาสำคัญของทั้งสองทีมไง อย่างตอนเพลย์ออฟปี 2018 ที่ตั๋วไปพรีเมียร์ลีกมันมีค่ามหาศาล หรือไม่ก็เป็นเกมที่ต้องแย่งแต้มเพื่อหนีตกชั้น คือมันมีความหมายมากกว่าแค่เกมๆ นึงไง แล้วสไตล์การเล่นของสองทีมนี้มันก็ค่อนข้างสูสีกัน เจอกันทีไรก็เลยมักจะมีอะไรให้ลุ้นให้เชียร์กันตลอด
แล้วปัจจัยอะไรที่จะทำให้ผลการแข่งขันมันเปลี่ยนไป?
อันนี้ต้องดูหลายอย่างเลยเว้ย! อย่างแรกก็คือเรื่องของความฟิต เพราะ “สิงห์ผงาด” เค้าต้องไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกด้วย มันก็อาจจะมีผลต่อความเหนื่อยล้าของนักเตะ อีกอย่างก็คือเรื่องของการเสริมทัพ นักเตะใหม่ที่เข้ามา มันจะเข้ากับทีมได้ดีแค่ไหน แล้วฟอร์มของนักเตะตัวหลักอย่าง วัตกินส์ มันจะยังคงเส้นคงวาอยู่รึเปล่า แล้วที่สำคัญคือแท็คติกของโค้ชทั้งสองทีม ใครจะวางแผนมาแก้เกมได้ดีกว่ากัน อันนี้ก็มีผลต่อผลการแข่งขันแน่นอน
ตารางสถิติ: ตัวเลขที่ไม่เคยโกหก
ตารางที่ 1: สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม (2001-ปัจจุบัน)
ทีม | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ประตูรวม | เฉลี่ยประตูต่อเกม |
---|---|---|---|---|---|
แอสตัน วิลล่า | 18 | 11 | 12 | 56 | 1.4 |
ฟูแล่ม | 12 | 11 | 18 | 44 | 1.1 |